Mansplaining หรือคำแปลว่า การอธิบายของผู้ชายหรือผู้ชายโอ้อวดอธิบาย
ฉันรู้จักคำนี้ครั้งแรกตอนเรียนอยู่ที่อินเดียเมื่อสองปีก่อน ในบรรดานักเรียนในชั้นจากทั้งหมดสิบสองคน มีผู้ชายแค่คนเดียว แต่ถึงจะเป็นผู้ชายหนึ่งเดียวในศูนย์สตรีศึกษา สาขาเพศสถานะศึกษา เขา นักศึกษาชายหนึ่งเดียวคนนั้นก็ไม่เคยตระหนักถึงอภิสิทธิ์ในการเป็นผู้ชายของตัวเอง ในทุกๆครั้งของการถกเถียง เขา ผู้ซึ่งมีโอกาสในยกมือแสดงความเห็นอยู่เสมอ ไม่เคยพลาดโอกาสนั้น เพื่อที่จะได้บอกเล่าประสบการณ์ความรู้อันมากมายมหาศาลให้กับเพื่อนในชั้นอีกจำนวนมากที่กว่าครึ่งหนึ่งคือนักศึกษาหญิงที่ไม่แม้แต่จะกล้าเปล่งเสียงดังเวลาตอบคำถามอาจารย์ในชั้นเรียน และเขา ผู้ซึ่งใช้เวลาในการแสดงความรู้อันโอ่อ่าของเขาจนเบียดบังเวลาของเพื่อนคนอื่นๆกระทั่งบางคนไม่ทันได้พูดเพราะหมดคาบเสียก่อน
คุณอาจคิดว่า นี่ไม่ใช่เรื่องของเพศ เพราะนักศึกษาชายคนนั้นอาจเป็นเพียงแค่ 'มนุษย์คนหนึ่ง' ที่ชอบพูดไม่รู้จักเวล่ำเวลา แค่มนุษย์คนหนึ่งที่ไม่สนใจว่าคนอื่นจะได้พูดหรือไม่ขอแค่เพียงได้พูดในสิ่งที่อยากนำเสนอ ถ้าหากคุณยังเชื่อเช่นนั้น ฉันมีอีกตัวอย่างนับไม่ถ้วนที่จะอธิบายว่า ทำไมคำว่า Mansplain จึงสมควรถูกใช้กับเพื่อนนักศึกษาชายคนนี้
ฉันอยากจะเล่าให้ฟังสักสองเรื่อง
ครั้งหนึ่ง ฉันเอากีต้าร์ของตัวเองไปเล่นในชั้นเรียนกับเพื่อนๆผู้หญิงคนอื่น เขาเดินมาหาฉันผู้ซึ่งกำลังเปลี่ยนสายกีต้าร์และจูนกีต้าร์ เขา “อาสา” เปลี่ยนสายกีต้าร์และจูนสายให้ฉัน โดยที่ฉันไม่ได้ร้องขอใดๆ
เอาล่ะ คุณอาจจะคิดว่าฉันคิดมากไปก็ได้ เขาอาจจะแค่มีน้ำใจใช่มั้ยล่ะ
งั้นมาดูเรื่องที่สอง ฉันกับเขาและเพื่อนของเราไปเที่ยวห้างใกล้มหาวิทยาลัย พวกเราสั่งกาแฟคาปูชิโน่มาดื่มระหว่างที่นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย ฉันเล่าให้ฟังว่า ฉันเคยเปิดร้านกาแฟตอนอยู่ที่ประเทศไทย และฉันชอบทำฟองนมเนียนๆแบบนี้มาก ไม่ทันขาดคำ เขา ผู้ซึ่งรอบรู้ทุกเรื่อง ถามฉันว่า แล้วเธอเคยทำฟองนมโดยไม่ใช้เครื่องตีฟองนมไหมล่ะ เมื่อฉันบอกว่าไม่ เค้าก็ได้ใช้เวลาทั้งหมดในการสาธยายถึงการทำฟองนมโดยไม่ใช้เครื่องตีฟองนม พร้อมกล่าวว่าวันหลังจะสอนให้
ถึงตอนนี้คุณอาจจะยังไม่เข้าใจอีกว่า แล้วมันมีปัญหาตรงไหนกันล่ะที่ผู้ชายคนหนึ่งจะอธิบายเรื่องต่างๆที่เขารู้ให้พวกผู้หญิงฟังด้วยความปรารถนาดี
มาดูตัวอย่างอีกสักสองสามเรื่องที่ฉันเจอมาแล้วทำให้ตระหนักได้ว่าการถูก Mansplain มันเป็นอย่างไร ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นต่างสถานที่ ต่างเวลา ต่างบุคคล กัน แต่ฉันจะเล่าให้สั้นที่สุด
ครั้งหนึ่ง ฉันไปทานอาหารที่ร้านอาหารประจำแห่งหนึ่ง วันหนึ่งฉันลองสั่งผัดไทย ซึ่งเป็นอาหารไทยที่ชาวต่างประเทศชื่นชอบ แต่ฉันมักจะสั่งแบบนานๆครั้ง วันนั้นฉันเรียกพนักงานชายมารับรายการ หลังคำสั่งอาหาร เขากล่าวกับฉันว่า มันคือเส้นก๋วยเตี๋ยวนะ ฉันบอกว่าฉันทราบแล้ว ฉันมาจากประเทศที่ทำสิ่งนี้ขายชาวต่างชาติ แต่เขาก็ยังทำหน้าเหมือนกลัวว่าฉันจะกินมันไม่ได้และเดินจากไปด้วยสีหน้ามีคำถาม
อีกครั้งหนึ่ง ฉันไปทานกาแฟที่ร้านประจำกับเพื่อน วันนั้นฉันอยากจะกินเอสเพรสโซ่สักหน่อย หลังคำสั่ง พนักงานย้ำกับฉันว่า เอสเพรสโซ่มันจะขมมากนะครับ ฉันตอบไปว่าทราบค่ะ ฉันเคยทานมันมาก่อน
และอีกครั้งหนึ่ง ฉันไปพักที่โฮสเทลรวมกับเพื่อนผู้หญิง เมื่อจะเก็บสัมภาระเข้าที่ในลิ้นชักใต้เตียงซึ่งฉันสังเกตเห็นมันตั้งแต่เข้าไปในห้องแล้ว แต่ผู้ชายคนหนึ่งที่พักอยู่ก่อนแล้วก็ชิงพูดว่า เธอเก็บกระเป๋าไว้ใต้เตียงได้นะ มันมีช่องอยู่ในนั้น
เอาล่ะ ฉันคิดว่าได้เล่าตัวอย่างมากมายให้คุณได้เห็นภาพบ้าง ถ้าหากคุณยังไม่เชื่อว่าผู้ชายจะมาโอ้อวดอธิบายอะไรจนมีคนคิดคำๆนี้ขึ้นมาได้อย่างไร ฉันก็จะบอกว่ามันน่ารำคาญแค่ไหนที่ผู้หญิงเราต้องเจอกับคำอธิบายจากผู้ชายในสิ่งที่เรารู้อยู่แล้วหรือเชี่ยวชาญกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ โดยคำอธิบายนั้นมาจากข้อสันนิษฐานว่า
พวกผู้หญิงจะไปรู้อะไร มันเป็นหน้าที่ของผู้ชายอย่างเราที่ต้องบอกข้อมูลอันสำคัญเหล่านี้กับพวกเธอ
ถ้าคุณอยากรู้มากกว่านี้ว่าทำไมคำว่า Mansplain ถึงได้ถูกยกให้เป็นคำแห่งปี 2010 ฉันแนะนำให้อ่านหนังสือเล่มนี้ คุณอาจจะเข้าใจมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าคุณไม่เข้าใจอะไรเลย และอยากจะอธิบายกับฉันว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ Mansplain อย่างไร ฉันก็ขอให้คุณกลับไปดูชื่อหนังสืออีกรอบและอีกรอบ และกลับไปอธิบายกับเหล่าบรรดาลูกชาย เพื่อนชาย พี่ชายน้องชายของพวกคุณว่า พวกเราไม่เคยเป็นแบบนี้เหมือนที่ผู้หญิงเขาบอกหรอกนะ
อย่างไรก็ดี หนังสือเล่มนี้ยังมีความปราณีกับพวกผู้ชายที่ชอบโอ้อวดอธิบายหลายสิ่งให้ผู้หญิงฟังอยู่บ้างก็ตรงที่รีเบคก้าไม่ได้มุ่งอธิบายศัพท์นี้ให้พวกคุณฟังอย่างทื่อๆหรือมีแต่เรื่องคำๆนี้
แต่รีเบคก้ายังได้เล่าถึงเหตุการณ์การถูกข่มขืนอย่างโหดเหี้ยมที่ผู้ชายกระทำต่อผู้หญิง เธอยังได้เล่าถึงการที่ผู้หญิงลุกมาพูดเรื่องการถูกล่วงละเมิดทางเพศและถูกผู้ชายชี้หน้าด่าว่าเป็นนังแพศยา นังร่าน นังโกหกตอแหล
และเธอยังเขียนถึงสิ่งที่ผู้หญิงจำนวนมากจะต้องเจอจากการออกมาพูดเรื่องความรุนแรงทางเพศทั้งหลายต่อผู้ชายคนดีบนโลกใบนี้ว่ามันจะเลวร้ายได้ขนาดไหนอย่างที่คุณผู้ชายทั้งหลายบนโลกใบนี้จะไม่มีวันจินตนาการถึงเลยทีเดียว
หนังสือเล่มนี้เหมาะกับสถานการณ์ในสังคมไทยขณะนี้มาก เพราะช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาเราได้เห็นผู้ชายที่รอบรู้วิชาการ ทั้งนักคิดนักเขียนปัญญาชนออกมาชี้หน้าด่าเหล่าผู้หญิงว่าเป็นพวกบ้าคลั่ง ประสาทแดก ไร้การศึกษา
และเป็นเฟมินิสต์ปลอม เฟมินิสต์ที่ดีเป็นแบบไหน ปฏิบัติตัวอย่างไร ไปจนกระทั่งให้เลิกเป็นเฟมินิสต์ด้วยซะเลย
มันช่างเหมาะกับสถานการณ์นี้จริงๆให้ตายเถอะ ฉันอยากชวนให้ทุกคนมาอ่านกัน ถ้าคุณเป็นผู้หญิงที่ถูกกดขี่ ฉันคิดว่าคุณจะพยักหน้าหงึกๆและเข้าใจในสิ่งที่รีเบคก้าพูด แต่ถ้าคุณเป็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างผู้ถูกกดขี่ ฉันแน่ใจว่าคุณจะมีคำอธิบายมากมายเพื่อมาปลอบใจเหล่าเพื่อนชายของคุณว่า เฮ้ย ฉันไม่ใช่พวกเฟมินิสต์แบบนี้นะ ฉันรักพวกคุณ แม้ว่าพวกคุณจะปากดีไปบ้าง แต่ฉันก็ยังรักพวกคุณ เพราะเราควรจะมีเสรีภาพในการพูดใช่ไหมล่ะ
และถ้าคุณผู้ชายคนไหนที่มาอ่านหนังสือเล่มนี้ รู้สึกว่ากำลังถูกด่า ใช่แล้ว คุณกำลังถูกด่า แต่ถ้าคุณผู้ชายคนไหนที่อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วรู้สึกว่า นี่เป็นปัญหาด้วยหรือ ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่านี่คือปัญหา ก็ยินดีด้วย เพราะคุณคงเริ่มจะได้เรียนรู้อะไรบ้างแล้ว สำหรับเพศหลากหลาย ฉันคิดว่าคุณพอจะเห็นภาพว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคมของเรา และถ้าการกดขี่ผู้หญิงโดยผู้ชายที่มีอำนาจในสังคมไม่เปลี่ยน เราเพศหลากหลายก็ไม่มีทางได้รับความเท่าเทียมเช่นเดียวกัน
Men Explain Things To me ผู้ชายอธิบายหลายสิ่งให้ฉันฟัง
รีเบคกา โซนิต เขียน
สิรินทร์ มุ่งเจริญและกานต์ชนก วงษ์ทองแท้ แปล
สำนักพิมพ์ เฟมินิสต์สามย่าน จัดพิมพ์
Comments